บทความการบริหารคลังสินค้า สต๊อก และการตรวจสอบ - Inventory knowledge

การจัดการสต๊อกเบื้องต้น Basic Inventory Management
 
          การจัดการสต๊อกเป็นกระบวนการที่สำคัญสำหรับธุรกิจในการควบคุมปริมาณสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการขาดแคลนหรือเกินพอดี มีสิ่งที่ควรรู้หลัก ๆ ดังนี้:
1. การทำรายการสต๊อก (Inventory Listing):โดยอัพเดทอยู่เสมอ เพื่อให้รู้ปริมาณสินค้าที่มีอยู่จริง
2. การวางแผนความต้องการสินค้า (Demand Forecasting):เพื่อป้องกันการขาดแคลนหรือมีสินค้าเกิน
3. การจัดระบบความถี่ในการสั่งซื้อ (Reorder Point System): เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าหมดเมื่อถึงความต้องการใช้งาน
4. การหมุนเวียนสินค้า (Stock Rotation): ใช้ระบบ FIFO (First In, First Out) หรือ LIFO (Last In, First Out) เพื่อให้สินค้ามีการหมุนเวียน และป้องกันสินค้าหมดอายุหรือเสื่อมสภาพ
5. การจัดเก็บสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ (Efficient Storage):ใช้พื้นที่ในการจัดเก็บให้เหมาะสม ค้นหาและหยิบใช้ง่าย และความผิดพลาด
6. การตรวจสอบและนับสต๊อกเป็นประจำ (Regular Stocktaking):ตรวจสอบและนับสต๊อกอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ข้อมูลเป็นปัจจุบันและแม่นยำ รวมถึงการตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้น
7. การใช้เทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ (Technology and Software Utilization): ใช้ระบบการจัดการสต๊อกที่ทันสมัย  เพื่อลดข้อผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพ
8. การจัดการสินค้าคงคลังที่ไม่หมุนเวียน (Non-moving Inventory Management):ควรมีการประเมินและหาวิธีจัดการ 
9. การฝึกอบรมพนักงาน (Employee Training):เพื่อเพิ่มความรู้ความสามารถและลดข้อผิดพลาดในการทำงาน
10. การประเมินประสิทธิภาพ (Performance Evaluation): เช่น การวิเคราะห์ตัวชี้วัด (KPIs) เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง
          การจัดการสต๊อกที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ธุรกิจลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น
          สนใจบริการตรวจนับสต๊อก เช็คสต๊อก ติดต่อเราเพื่อนำเสนอแนวทาง กระบวนการตรวจนับที่ทันสมัย ด้วยผู้เชี่ยวชาญ ประสบการณ์กว่า 20 ปี 
 
 

สาเหตุ/ปัจจัยที่ทำให้สต๊อกผิดพลาด Error คลาดเคลื่อน มาจากอะไร

          การบริหารจัดการสต๊อกสินค้าเป็นกระบวนการที่สำคัญและซับซ้อนในธุรกิจทุกประเภท ความคลาดเคลื่อนหรือความผิดพลาดในสต๊อกสินค้าอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานและความพึงพอใจของลูกค้า บทความนี้จะสำรวจปัจจัยหลักที่ทำให้สต๊อกสินค้าเกิดความคลาดเคลื่อนและความผิดพลาด
1. การบันทึกข้อมูลไม่ถูกต้อง - ข้อมูลการรับสินค้าเข้าและการเบิกสินค้าออกที่ไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่ความคลาดเคลื่อนของสต๊อก การบันทึกข้อมูลที่ผิดพลาดอาจเกิดจากการทำงานที่ไม่รอบคอบของพนักงานหรือระบบที่ไม่มีประสิทธิภาพ
2. การนับสต๊อกที่ไม่แม่นยำ - การนับสต๊อกสินค้าที่ไม่แม่นยำ เช่น การนับจำนวนสินค้าที่ผิดพลาด หรือการไม่นับสต๊อกสินค้าอย่างสม่ำเสมอ อาจทำให้ข้อมูลสต๊อกที่ได้รับไม่ตรงกับความเป็นจริง
3. การจัดเก็บสินค้าไม่เป็นระเบียบ - การจัดเก็บสินค้าที่ไม่เป็นระเบียบอาจทำให้หาสินค้าไม่พบหรือหาสินค้าผิดประเภท นอกจากนี้การจัดวางสินค้าที่ไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่ความเสียหายของสินค้าอีกด้วย
4. การบริหารจัดการระบบไม่ดี - ระบบการบริหารจัดการสต๊อกที่ไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่เหมาะสมกับลักษณะธุรกิจ เช่น ระบบที่ไม่สามารถติดตามสถานะสินค้าคงคลังได้แบบเรียลไทม์ หรือระบบที่ไม่สามารถรวมข้อมูลจากหลายแหล่งได้อย่างถูกต้อง
5. การขโมยหรือสูญหายของสินค้า - การขโมยหรือการสูญหายของสินค้าเป็นปัจจัยที่ทำให้สต๊อกคลาดเคลื่อนได้อย่างมาก การป้องกันการขโมยหรือการสูญหายควรมีมาตรการที่เข้มงวด เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดหรือการตรวจสอบความปลอดภัย
6. การเปลี่ยนแปลงคำสั่งซื้อ - การเปลี่ยนแปลงคำสั่งซื้อของลูกค้าอย่างกระทันหันหรือบ่อยครั้ง อาจทำให้ระบบการจัดการสต๊อกไม่สามารถปรับตัวได้ทันเวลา ซึ่งส่งผลให้เกิดความคลาดเคลื่อนของสต๊อกสินค้า
7. การบริหารจัดการซัพพลายเชนไม่ดี - ความไม่แน่นอนในกระบวนการจัดหาสินค้าและการจัดส่งจากซัพพลายเออร์ อาจทำให้เกิดปัญหาในสต๊อกสินค้า การประสานงานที่ไม่ดีหรือการขาดการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพกับซัพพลายเออร์สามารถส่งผลให้เกิดความล่าช้าและความคลาดเคลื่อนของสต๊อกได้
          การลดความคลาดเคลื่อนและความผิดพลาดในสต๊อกสินค้าจำเป็นต้องมีการตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างสม่ำเสมอ การใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการสต๊อก การฝึกอบรมพนักงาน และการสร้างมาตรการป้องกันที่เข้มงวด สามารถช่วยให้การจัดการสต๊อกสินค้ามีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากความคลาดเคลื่อนได้อย่างมาก
          สนใจบริการตรวจนับสต๊อก เช็คสต๊อก ติดต่อเราเพื่อนำเสนอแนวทาง กระบวนการตรวจนับที่ทันสมัย ด้วยผู้เชี่ยวชาญ ประสบการณ์กว่า 20 ปี 
 
 

ค่าความคลาดเคลื่อน/Error ของยอดสต๊อก ไม่ควรเกินกี่เปอร์เซ็นต์ (%)

          การกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนของสต๊อกสินค้าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงประเภทของธุรกิจ ประเภทสินค้า ความซับซ้อนของการจัดการสต๊อก และความสำคัญของความแม่นยำในสต๊อกสินค้าสำหรับธุรกิจนั้น ๆ อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว มาตรฐานที่หลายธุรกิจใช้เป็นแนวทางในการยอมรับค่าความคลาดเคลื่อนมีดังนี้

1. ธุรกิจค้าปลีก  มักจะยอมรับค่าความคลาดเคลื่อนอยู่ที่ประมาณ 1-2% ของมูลค่าสต๊อกทั้งหมด

2. ธุรกิจการผลิต  อาจยอมรับค่าความคลาดเคลื่อนได้สูงขึ้น เช่น 3-5% ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการผลิตและจำนวนวัตถุดิบ

3. ธุรกิจขนาดเล็ก  อาจมีค่าความคลาดเคลื่อนสูงกว่าธุรกิจขนาดใหญ่เนื่องจากข้อจำกัดด้านทรัพยากร เช่น อาจอยู่ที่ 2-5%

ควรระลึกว่าค่าความคลาดเคลื่อนนี้เป็นเพียงแนวทางทั่วไปและธุรกิจควรกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนที่เหมาะสมกับบริบทของตัวเองโดยพิจารณาจาก:

  - ประสบการณ์ที่ผ่านมา

  - ประเภทและมูลค่าสินค้า

  - ความแม่นยำและประสิทธิภาพของระบบการจัดการสต๊อกที่ใช้อยู่

  - ความสามารถในการติดตามและควบคุมสินค้าคงคลัง

          การกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนที่เหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการสต๊อกได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น

          การตรวจนับสต๊อกสินค้าอย่างสม่ำเสมอเป็นขั้นตอนสำคัญที่ทุกธุรกิจควรให้ความสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าที่อยู่ในสต๊อกมีความตรงตามที่บันทึกไว้ และช่วยลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดในระบบบริหารจัดการสต๊อก การวางแผนการตรวจนับอย่างมีระบบและกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้ จะช่วยให้การตรวจนับมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

          นอกจากการตรวจนับภายในบริษัทเองแล้ว การใช้บริการบริษัทของเราในการตรวจนับสต๊อกมืออาชีพก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย บริษัทของเรานี้มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการตรวจนับสต๊อก ทำให้มั่นใจได้ว่าสต๊อกสินค้าของคุณจะถูกต้องและทันสมัย

          หากคุณกำลังมองหาบริษัทที่ให้บริการตรวจนับสต๊อกที่มีคุณภาพและคุ้มค่า เรามีทีมงานมืออาชีพที่พร้อมให้บริการท่าน สามารถติดต่อเราเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ครับ             

การตรวจนับสต๊อกสินค้าเป็นประจำ มีประโยชน์อย่างไร ?

 

          การตรวจนับสต๊อกสินค้าเป็นประจำ หรือการตรวจนับตามรอบ Inventory cycle count, Invenroty quarterly count, Inventory monthly count เป็นต้น 

          การตรวจนับสต๊อก / เช็คสต๊อก / check stock / inventory count / stocktaking เป็นประจำมีประโยชน์ ดังนี้ 

1. ลดความเสียหายจากการสูญหาย และการขโมย

2. ปรับปรุงการจัดการสินค้าคงคลัง

3. เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

4. ลดต้นทุนการดำเนินการ

5. การวางแผนการขายและการตลาด

          การวางแผนและดำเนินการตรวจนับสต๊อกสินค้า

1. กำหนดวัตถุประสงค์และขอบเขตการตรวจนับ: ก่อนที่จะเริ่มการตรวจนับสต๊อกสินค้าควรกำหนดวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน เช่น เพื่อลดความสูญเสียจากการขโมย หรือเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในระบบ

2. กำหนดช่วงเวลาและความถี่ในการตรวจนับ: วางแผนการตรวจนับสต๊อกอย่างสม่ำเสมอ เช่น ตรวจนับทุกเดือนหรือทุกสัปดาห์ขึ้นอยู่กับปริมาณสินค้าและขนาดของร้านค้า

3. จัดเตรียมทีมงานและอบรม: คัดเลือกทีมงานที่มีความรับผิดชอบและความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้าในร้านค้า รวมทั้งจัดการอบรมเกี่ยวกับวิธีการตรวจนับและการใช้เครื่องมือที่จำเป็น

4. ใช้เทคโนโลยีในการตรวจนับ: การใช้ระบบการตรวจนับสต๊อกที่ทันสมัย เช่น ระบบบาร์โค้ดหรือ RFID จะช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดเวลาในการตรวจนับ

5. วิเคราะห์ผลและดำเนินการแก้ไข: หลังจากการตรวจนับสต๊อก ควรวิเคราะห์ผลที่ได้และทำการปรับปรุงหรือแก้ไขปัญหาที่พบ เช่น การแก้ไขข้อมูลในระบบ หรือการดำเนินการทางด้านความปลอดภัยเพื่อลดการสูญหาย

          การวางงบประมาณสำหรับการตรวจนับสต๊อก

1. ค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานเพิ่มเติม: วางแผนงบประมาณสำหรับการจ้างพนักงานเพิ่มเติมหากจำเป็น เช่น พนักงานชั่วคราวสำหรับการตรวจนับสต๊อกในช่วงเวลาที่กำหนด

2. การลงทุนในเทคโนโลยี: วางแผนงบประมาณสำหรับการลงทุนในเทคโนโลยีการตรวจนับสต๊อก เช่น ระบบบาร์โค้ด เครื่องสแกน หรือซอฟต์แวร์การจัดการสต๊อก

3. ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม: จัดสรรงบประมาณสำหรับการฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับวิธีการตรวจนับสต๊อกและการใช้เครื่องมือที่เกี่ยวข้อง

4. การจัดสรรงบประมาณสำหรับการประเมินผลและการปรับปรุง: วางแผนงบประมาณสำหรับการประเมินผลการตรวจนับและการปรับปรุงระบบหรือกระบวนการที่พบว่ามีปัญหา

          การตรวจนับสต๊อกสินค้าหน้าร้านเป็นประจำมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง ลดความสูญเสีย และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า การวางแผนและการดำเนินการที่ดี รวมถึงการจัดสรรงบประมาณอย่างเหมาะสมจะช่วยให้การตรวจนับสต๊อกสินค้าหน้าร้านประสบความสำเร็จและเกิดประโยชน์สูงสุด

          หากท่านสนใจบริการตรวจนับสต๊อกสินค้า เช็คสต๊อก / check stock / stocktaking / inventory count โดยใช้บริการจากผู้ให้บริการภายนอก บริษัทยินดีนำเสนอขั้นตอนการดำเนินงาน เพื่อให้ไปไปตามความต้องการของท่าน และเสนอราคาเพื่อพิจารณาได้ทันที่ 

          ช้อดีการใช้บริการ Outsource - check stock สามารถควบคุมงบประมาณได้ มีความแม่นยำ และบริหารเวลาตามความต้องการท่าน

ขั้นตอนการตรวจนับสต๊อกสินค้าที่เป็นมาตรฐาน

การตรวจนับสต๊อกสินค้าเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการสต๊อกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยป้องกันปัญหาสินค้าขาดหรือเกินในระบบ คำแนะนำต่อไปนี้เป็นขั้นตอนที่สากลสำหรับการตรวจนับสต๊อกสินค้าอย่างละเอียดและเป็นระเบียบ (Best Practices of Inventory Counting) 

1. การเตรียมความพร้อมก่อนการตรวจนับ

1.1. วางแผนและกำหนดเวลา: วางแผนการตรวจนับสต๊อกล่วงหน้าและกำหนดวันที่จะทำการตรวจนับ เพื่อให้พนักงานทุกคนสามารถเตรียมตัวและทำตามแผนได้อย่างเต็มที่

1.2. เตรียมเอกสารและอุปกรณ์: จัดเตรียมเอกสารที่จำเป็น เช่น รายการสินค้าคงคลัง, ปากกา, ดินสอ, และอุปกรณ์การตรวจนับ เช่น เครื่องสแกนบาร์โค้ด

1.3. อบรมพนักงาน: ทำการอบรมพนักงานที่มีส่วนร่วมในการตรวจนับสต๊อกเกี่ยวกับกระบวนการและวิธีการตรวจนับอย่างถูกต้อง

2. การตรวจนับเบื้องต้น

2.1. นับ 100% ทุกชิ้น: ตรวจนับสินค้าทุกชิ้นในสต๊อกอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและครอบคลุมมากที่สุด

2.2. ตรวจสอบความถูกต้อง: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสินค้าทุกชิ้นมีการบันทึกลงในรายการสินค้าอย่างถูกต้องและครบถ้วน

3. การตรวจนับซ้ำ

3.1. สลับตรวจซ้ำ 100%: ทำการตรวจนับสินค้าซ้ำอีกครั้งโดยเปลี่ยนพนักงานผู้ทำการตรวจนับเพื่อให้แน่ใจว่าผลการตรวจนับเป็นความถูกต้อง

3.2. เปรียบเทียบและปรับปรุง: เปรียบเทียบผลการตรวจนับครั้งแรกและครั้งที่สอง หากมีความแตกต่างให้ตรวจสอบและปรับปรุงข้อมูล

4. การสรุปยอดและตรวจสอบ

4.1. สรุปยอดสินค้า: สรุปรายการสินค้าทั้งหมดที่ตรวจนับได้ โดยแยกรายการสินค้าที่พบว่ามีจำนวนขาดหรือเกิน

4.2. รายงานยอดขาดเกิน: ทำรายงานสินค้าขาดหรือเกิน พร้อมมูลค่าของสินค้าที่ขาดหรือเกิน

4.3. การมีส่วนร่วมของเจ้าของหรือพนักงานประจำร้าน**: ให้เจ้าของร้านหรือพนักงานที่รับผิดชอบตรวจสอบและยืนยันยอดสต๊อกอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจในความถูกต้องก่อนสรุปรายการ

5. การแก้ไขและปรับปรุงสต๊อก

5.1. แก้ไขข้อมูลในระบบ: ปรับปรุงข้อมูลสต๊อกในระบบให้ตรงกับผลการตรวจนับที่ได้

5.2. วิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการ: วิเคราะห์สาเหตุของความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้น เช่น การบันทึกข้อมูลผิดพลาด หรือปัญหาในการจัดการสต๊อก เพื่อหาทางแก้ไขและปรับปรุงกระบวนการในอนาคต

          การตรวจนับสต๊อกสินค้าอย่างสากลจะช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงในการสูญเสียสินค้า และเพิ่มความแม่นยำในการบันทึกข้อมูล

          สนใจบริการตรวจนับสต๊อกสินค้า ด้วยทีมงานเฉพาะทาง มีประสบการณ์กว่า 10 ปี สามารถทำให้การตรวจนับสินค้า มีความแม่นยำ รวดเร็วตามแผน และสามารถควบคุมงบประมาณของท่าน 

การจัดจ้างหน่วยงานผู้รับจ้างภายนอกมาทำการตรวจนับสต๊อกสินค้าหรือตรวจเช็คทรัพย์สิน
(Outsource services for Check Stock, Stocktaking, Inventory Counting, Asset Checking, Fixed Asset Counting)
มีข้อดีหลายประการดังนี้:
 
1. ความเป็นอิสระและเที่ยงตรง: ผู้รับจ้างภายนอกมักจะมีความเป็นกลางและไม่มีส่วนได้เสียกับบริษัท ทำให้การตรวจนับหรือเช็คทรัพย์สินมีความเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือมากขึ้น
 
2. ความเชี่ยวชาญ: หน่วยงานผู้รับจ้างภายนอกมักจะมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและมีประสบการณ์ในการตรวจนับและเช็คทรัพย์สิน ทำให้กระบวนการนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
 
3. ประหยัดเวลาและทรัพยากร: การใช้หน่วยงานภายนอกช่วยลดภาระงานของพนักงานในองค์กร ทำให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่งานหลักและหน้าที่อื่น ๆ ได้อย่างเต็มที่
 
4. การใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัย: ผู้รับจ้างภายนอกมักมีอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการตรวจนับและเช็คทรัพย์สิน ทำให้การดำเนินงานมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
5. การวิเคราะห์และรายงาน: หน่วยงานผู้รับจ้างภายนอกสามารถให้ข้อมูลและรายงานการตรวจนับหรือเช็คทรัพย์สินที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของผู้บริหารได้ โดยข้อมูลนี้มักจะเป็นข้อมูลที่ละเอียดและครอบคลุม
 
6. ลดความเสี่ยงในการทุจริต: การใช้บุคคลภายนอกในการตรวจนับและเช็คทรัพย์สินสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการโกงหรือทุจริตภายในองค์กรได้
 
7. ความยืดหยุ่น: หน่วยงานผู้รับจ้างภายนอกสามารถปรับตัวตามความต้องการขององค์กรได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของจำนวนพนักงานหรือตารางเวลาในการทำงาน
 
การจ้างหน่วยงานภายนอกมาทำการตรวจนับสต๊อกสินค้าหรือตรวจเช็คทรัพย์สินเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เนื่องจากช่วยเพิ่มความแม่นยำ ความเชื่อถือได้ และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กร
 
สนใจติดต่อ กรอกแบบสอบถามติดต่อ บจก. ส่งเสริมกันดีการบัญชี ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี และออกแบบระบบปฏิบัติการตามความต้องการของท่าน)
Visitors: 494